ที่ วัดสะพานนี่ หลวงพ่อสำเภา ท่านเป็นหมอ เป็นพระที่มีรายได้ดี คำว่า รายได้ดีก็หมายความว่า การรักษาโรค คนนั้นก็ให้บ้าง คนนี้ก็ให้บ้าง ท่านไม่คิดเงินไม่คิดทอง วันหนึ่งได้ประมาณ ๘๐๐ บาทบ้าง ๑,๐๐๐ บ้าง ๒,๐๐๐ บ้างก็มี รู้สึกว่ารายได้ดีมาก หลวงพ่อสำเภาท่านเป็นโรคชนิดหนึ่งคือ เวลาเป็นขึ้นมามันแน่นเสียดหน้าอก มันแน่นถึงกับทะลึ่ง
วันหนึ่งก็กำลังนอนอยู่ ท่านพระยายมท่านก็มา ท่านบอกว่า คุณ โรคอย่างท่านสำเภานี่ผมมีคาถาจะรักษา แต่คาถารักษาของผมนี่ รักษาโรคไม่หายนะ กันไม่ให้ตายก็ไม่ได้ รักษาโรคก็ไม่หาย แต่สามารถระงับทุกขเวทนาได้ ถ้ามีเวทนาหนัก ๆ อย่างท่านสำเภานี่ คุณไปเป่าที่หัวเถอะ ประเดี๋ยวเดียวก็ระงับ ก็เป็นอันว่าคาถานี้ต่อมาภายหลังมีหลายคนรับไปใช้ มีประโยชน์มาก คนที่มีทุกข เวทนามาก ๆ พอไปเป่าเข้านิดเดียวก็สงบทันที จะบอกให้ ทีแรกจะลืมแล้วคาถานี่ ท่านบอกว่า ให้ว่า นะโมพุทธายะ และเวลาก่อนจะว่าให้นึกถึงพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์เสียก่อน แต่ถ้าเราจะเอาจริง ๆ นะ ให้นึกถึงพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ด้วย นึกถึงพระยายมด้วย
และต่อมา ประมาณเดือนยี่ก็เห็นจะเป็นประมาณเดือนกุมภาพันธ์ หลวงพ่อสำเภา ก็ป่วย ท่านแช่ม ท่านเป็นลูกศิษย์ก็วิ่งมาบอกว่า หลวงพ่อสำเภาป่วย กำลังทะลึ่งพรวด ๆ เข้าไปถึงก็ตกใจ ท่านแน่นหน้าอก เสียดจนกระทั่งโดดทะลึ่งพรวด ๆ ขึ้นมาก็เลยช่วยกันจับ จับท่านมา เอาศีรษะท่านวางบนตักแล้วก็เป่า นึกในใจ บอกแช่ม ไปจุดธูปบอกพระยายมเดี๋ยวนี้นะ บอกให้ช่วยระงับทุกขเวทนา แช่มก็ไปจุดธูป ๕ ดอก บอกพระยายม ฉันก็นึกในใจ แต่ไม่ได้เป่าพรวด ๆ นึกในใจเฉย ๆ พอเริ่มนึกในใจเพียงแค่วินาทีเดียว อาการทุกขเวทนาของท่านก็หยุด ท่านนอนสงบ ฉันก็ให้นอนอย่างนั้น เป่านึกอยู่อย่างนั้นประมาณสักครึ่งชั่วโมง เห็นท่านสงบสงัดดีแล้วก็ค่อย ๆ เอาศีรษะวางบนหมอนแล้วลุกมาข้างนอก มานั่งคุยข้างนอก ประเดี๋ยวเดียวเสียงว้ากอีกแล้ว ทะลึ่ง อีกแล้ว ก็กลับเข้าไปใหม่ กลับเข้าไปเป่าใหม่ ทีนี้เป่าไม่เลิก คือ ไม่ได้เป่าพรวด ๆ นะ นึกในใจเฉย ๆ ว่า นะโมพุทธายะ ๆ ว่าช้า ๆ สบาย ๆ นึกถึงพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ นึกถึงพระยายมด้วย ขอให้ระงับทุกขเวทนา
เป็นอันว่าต่อมาถึงเวลาใกล้จะเพล ท่านลืมตาขึ้นมาถามว่า เหลือเวลาอีกกี่นาทีจะเพลครับ ท่านพูดเป็นปกติ ก็แหงนดูนาฬิกาก็เลยบอกท่านว่า เวลานี้เหลือ ๓ นาทีจะเพลแล้วครับ ท่านก็เลยบอกว่า ผมขอลาครับ ถ้าเพลแล้วผมขอลา พอเสียงตีกลองเพล ตึง ๆ ๆ ปรากฏว่าหลวงพ่อสำเภาลืมตาปั๊บ แล้วก็หลับตาปั๊บ ตายไปเลย
จากหนังสือ ประวัติหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หน้าที่ ๓๓๑ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน คัดลอกโดย ด.ญ. ปุณยนุช ขจรนิธิพร (ลูกหลาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน สนับสนุน เครื่องคอมฯ ในการโพสต์ธรรมทานนี้ค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น